หมอชวนรู้ โดยแพทยสภา ตอนที่ 274: นาทีชีวิต! เมื่อเด็กสำลักสิ่งแปลกปลอม

จำนวนผู้เข้าชม : 123 ครั้ง

หมอชวนรู้โดยแพทยสภา ตอนที่ 274 ““เมื่อเด็กสำลักสิ่งแปลกปลอม บทความโดย อ.พญ.ณัฐณิชา ปรีเปรม สมาคมโรคระบบทางเดินหายใจและเวชบำบัดวิกฤตในเด็กแห่งประเทศไทย และราชวิทยาลัย/สมาคมกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย ภาพประกอบจาก อ.พญ.ณัฐณิชา ปรีเปรม และ Canva ”https://www.facebook.com/share/p/14MWEzapBYY/


 


 


 

คุณเคยนึกภาพไหมว่า... ลูกน้อยวัยกำลังซนของคุณ กำลังเล่นอยู่กับของเล่นชิ้นโปรด หรือกำลังเพลินกับการเคี้ยวอาหารเม็ดเล็กๆ แล้วจู่ๆ ทุกอย่างก็เงียบลง? ใบหน้าเล็กๆ เริ่มเปลี่ยนสี ดวงตาเบิกกว้าง แต่เสียงกรีดร้องที่ควรจะดังกลับไม่มี! นี่ไม่ใช่ฉากในภาพยนตร์ แต่คือ วิกฤตการณ์ "สำลักสิ่งแปลกปลอม" ที่เกิดขึ้นจริงในบ้านทุกหลัง มันคือภัยเงียบที่คร่าชีวิตเด็กเล็กได้เร็วที่สุด!

ทำไมต้องเป็น "เด็กวัย 1 ปี"? และอะไรคือภัยร้ายที่ต้องระวัง? สถิติจากแพทยสภาชี้ชัดว่า เด็กเล็กอายุ 1 ปี คือกลุ่มเสี่ยงสูงสุด! เพราะโลกของพวกเขาคือการเรียนรู้ผ่านการสัมผัสและ "การนำเข้าปาก" ทุกสิ่งที่หยิบได้

เราไม่ได้กลัวแค่ถั่วหรือเยลลี่ แต่ต้องระวัง "ของใช้" ที่อยู่รอบตัวด้วย: อาหารที่กลืนยาก: เยลลี่, ถั่ว, ธัญพืช, ผลไม้เนื้อแข็งหรือกลม (ต้องหั่นก่อนเสมอ!)วัตถุอันตราย: เหรียญ, ลูกปัด, ลูกแก้ว, ถ่านก้อนเล็ก, ยางลบ, ชิ้นส่วนของเล่นขนาดเล็ก

4 สัญญาณ "เงียบ" ที่บอกว่าลูกกำลังจะขาดอากาศ เมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้น เด็กส่วนใหญ่จะพูดไม่ได้ นี่คือภาษากายที่คุณต้องแปลให้ออกภายในเสี้ยววินาที:


 


 

1.เอามือกุมคอ: เป็นท่าทางธรรมชาติที่บ่งบอกว่ามีบางอย่างติดอยู่ 2.พยายามไอ แต่ไม่มีเสียงออกมา: นี่คือสัญญาณอันตรายสูงสุด ที่แปลว่าทางเดินหายใจถูกปิดเกือบสมบูรณ์ 3 หายใจลำบากผิดปกติ: หรือมีเสียงหายใจที่แผ่วเบาจนน่าตกใจ 4. ริมฝีปากเปลี่ยนเป็นสีเขียว: หรือผิวหนังเริ่มคล้ำลง คือสัญญาณเตือนสุดท้ายว่าออกซิเจนในร่างกายไม่พอแล้ว!

คำเตือนจากหมอ: ถ้าสงสัยว่าลูกสำลักแม้ไม่เห็นเหตุการณ์ รีบพาไปโรงพยาบาลทันที อย่ารอ! คู่มือฉุกเฉิน: 3 ขั้นตอนช่วยชีวิตลูกทันที! หากคุณพบลูกมีอาการรุนแรง หายใจลำบาก หรือไอไม่มีเสียง คุณคือความหวังเดียว ในการแก้ไขการอุดกั้นที่สมบูรณ์นี้! 1. ถ้าเด็กหมดสติวางเด็กนอนหงายราบ บนพื้นผิวที่แข็ง เริ่มทำ CPR (กดหน้าอกและช่วยหายใจ) ทันที! 2. ถ้าเด็กยังรู้สึกตัวดี (แต่หายใจลำบาก) สำหรับเด็กอายุ "ต่ำกว่า 1 ปี" (Back Blows & Chest Thrusts): ตบหลัง: จับเด็กคว่ำบนแขน ศีรษะต่ำกว่าตัว ใช้สันมือตบหลังระหว่างสะบัก 5 ครั้ง กดหน้าอก: พลิกเด็กหงาย ใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางกดใต้ราวนม 5 ครั้ง ทำสลับกันไปเรื่อยๆ จนกว่าวัตถุจะหลุด สำหรับเด็กอายุ "มากกว่า 1 ปี" (Heimlich Maneuver): โอบรัดท้อง: ยืนหรือคุกเข่าด้านหลังเด็ก โอบแขนรอบตัวเด็กใต้ชายโครง กำมือ: กำมือหนึ่งวางไว้ที่ลิ้นปี่ อีกมือทับไว้ ดันขึ้นและเข้าหาตัว: ออกแรงกดมืออย่างรวดเร็วเข้าหาตัวคุณและดันขึ้นไปด้านบน ทำซ้ำๆ จนวัตถุหลุด 3. ข้อห้ามสำคัญที่คุณต้องจำขึ้นใจ!

ระหว่างช่วยเหลือต้องสังเกตความรู้สึกตัว หากหมดสติให้เปลี่ยนไปทำ CPR ทันที ห้ามล้วงปากเด็กเด็ดขาด! หากคุณมองไม่เห็นสิ่งแปลกปลอม คุณสามารถหยิบออกได้ ก็ต่อเมื่อคุณมองเห็นสิ่งแปลกปลอมนั้นชัดเจนเท่านั้น  ปิดประตูความเสี่ยง: สร้างบ้านให้เป็น Safe Zone การป้องกันที่ดีที่สุดคือการไม่ต้องใช้คู่มือฉุกเฉินเลย: เลือกของเล่นตามวัย: ตรวจสอบสัญลักษณ์มาตรฐานและขนาดที่ไม่สามารถนำเข้าปากได้ ฝึกนิสัยการกิน: ไม่ปล่อยให้ลูกเดิน วิ่ง หรือพูดคุยขณะที่ยังมีอาหารอยู่ในปาก (นี่คือสาเหตุการสำลักที่พบบ่อยที่สุด)จัดเก็บของให้มิดชิด: จัดบ้านให้เป็นระเบียบ เก็บเหรียญ ถ่าน และวัตถุขนาดเล็กทั้งหมดให้พ้นจากระดับที่เด็กเอื้อมถึง อย่าทิ้งเด็กไว้ตามลำพัง! ความประมาทเพียงเสี้ยวนาที อาจนำมาซึ่งความสูญเสียที่ไม่สามารถแก้ไขได้


เนื้อหาจากบทความของ อ.พญ.ณัฐณิชา ปรีเปรม (สมาคมโรคระบบทางเดินหายใจและเวชบำบัดวิกฤตในเด็กแห่งประเทศไทย และราชวิทยาลัย/สมาคมกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย) เรียบเรียงในรูปแบบเล่าเรื่อง ทางกองบรรณาธิการได้รับอนุญาติเผยแพร่บทความจากฝ่ายประชาสัมพันธ์ของแพทยสภา เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2568  (กองบรรณาธิการเว็บไซต์ thainursingtimedotcom) และขอขอบคุณที่เอื้อเฟื้อข้อมูลมา ณ.ที่นี้

 


 

Recent Posts